16 ม.ค. 2555

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กับ ทฤษฎีสัมพัทธภาพ


      แอลเบิร์ต  เกิดเมื่อ  14  มีนาคม  1879  ในเยอรมันนี  ที่โรงเรียนเขาเป็นเด็กขี้เกียจ  และเรียนอ่านหนังสือได้ช้า  แต่เล่นไวโอลินเก่ง  เขาสอบตกในบางครั้ง  แต่สามารถเรียนจนจบได้ปริญญาจากโพลีเทคนิคในสวิตเซอร์แลนด์ ไอน์สไตน์ได้แต่งงานกับมิเลวา มารี ในปี ค.ศ.1903 เพื่อนเก่าสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งเมืองซูริค และในปีเดียวกันนี้เขา ได้เขียนบทความเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ให้กับนิตยสารเยอรมนีฉบับหนึ่ง และในปี ค.ศ.1905 บทความเรื่องของไอน์สไตน์ก็ได้รับ ความสนใจ และยกย่องอย่างมาก บทความเรื่องนี้เป็นของทฤษฎีสัมพัทธภาพ (Theory of Relativity) ซึ่งอธิบายเกี่ยวกับความ สัมพันธ์ระหว่างพลังงาน กับมวลสาร โดยเขียนเป็นสูตรได้ดังนี้ E = mc2 โดย

E (Energy) = พลังงาน
m (mass) = มวลสารของวัตถุ
c = ความเร็วแสง

      ในปี ค.ศ.1914 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้น ทำให้ทุกหนทุกแห่งวุ่นวาย โดยเฉพาะในยุโรป แต่ถึงอย่างนั้นในปี ค.ศ.1915 ไอน์สไตน์ก็ยังทำการค้นคว้าเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และออกตีพิมพ์หนังสืออกมาเล่มหนึ่งชื่อว่า ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป (General Theory of Relativity) ซึ่งเป็นทฤษฎีที่หลายต่างก็ไม่เข้าใจในทฤษฎีข้อนี้ แต่ด้วยความที่ไอน์สไตน์เป็นคนสุขุมเยือกเย็น เขาได้ อธิบายเกี่ยวกับทฤษฎีในหลายลักษณะเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่า มีรถไฟ 2 ขบวน ขบวนหนึ่งจอดอยู่กับที่ อีกขบวนหนึ่งกำลังวิ่งสวน ทางไป ผู้โดยสารที่อยู่บนรถไฟที่จอดอยู่อาจจะรู้สึกว่ารถไฟกำลังวิ่งอยู่ เพราะฉะนั้น อัตราเร็ว ทิศทาง จึงมีความเกี่ยวข้องกัน

      ในปี ค.ศ.1921 ไอน์สไตน์ได้เสนอผลงานออกมาอีกชิ้นหนึ่ง คือ ทฤษฎีการแผ่รังสี (Photoelectric Effect Theory) และจากผลงานชิ้นนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ และรางวัลจากอีกหลายสถาบัน ได้แก่ ค.ศ.1925 ได้รับเหรียญคอพเลย์ จากราชสมาคมแห่งกรุงลอนดอน ค.ศ.1926 ได้รับเหรียญทองราชดาราศาสตร์ ค.ศ.1931 ดำรงตำแหน่งนักค้นคว้าของวิทยาลัย ไครสต์เชิร์ช แห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด ค.ศ.1933 เขาได้รับเชิญจากประเทศสหรัฐอเมริกาให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีของ สถาบันบัณฑิตวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยพรินส์ตัน ที่รัฐนิวเจอร์ซี่ (Institute for Advance Study at Princeton, New Jersey) นอกจากนี้ทฤษฎีของเขายังสามารถล้มล้างทฤษฎีของจอห์น ดาลตัน (John Dalton) นักฟิสิกส์และเคมีชาวอังกฤษที่ว่า "สสารย่อมไม่สูญไปจากโลกเพราะอะตอมเป็นส่วนที่เล็กที่สุดของสสาร ซึ่งไม่สามารถจะแยกออกไปได้อีก" แต่ไอน์สไตน์ได้กล่าวว่า สสารย่อมมีการสูญสลาย นอกจากพลังงานเท่านั้นที่จะไม่สูญหาย เพราะพลังงานเกิดขึ้นจากสสารที่หายไป และอะตอมไม่ใช่ส่วนที่ เล็กที่สุดของสสาร เพราะฉะนั้นจึงสามารถแยกออกได้อีก

      ในปี ค.ศ.1939 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น ทำให้ไอน์สไตน์ได้รับความทุกข์ทางใจมาก เนื่องจากเยอรมนีในฐานะผู้ก่อ สงคราม และมีฮิตเลอร์เป็นผู้นำ ฮิตเลอร์รังเกียจชาวยิว และกล่าวหาชาวยิวว่าเบียดเบียนชาวเยอรมันในการประกอบอาชีพ แต่ ไอน์สไตน์ ก็ยังโชคดีเพราะว่าก่อนหน้านี้ ในปี ค.ศ.1933 ได้อพยพออกจากเยอรมนี เพราะในขณะนั้นฮิตเลอร์ได้ดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีของเยอรมนี และเริ่มขับไล่ชาวยิวออกจากเยอรมนีตั้งแต่ปี ค.ศ.1932 ไอน์สไตน์เห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนักจึงเดิน ทางออกมา แต่ยังมีชาวยิวกว่า 2,000,000 คน ที่ยังอยู่ในเยอรมนี และถูกสังหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กว่า 1,000,000 คน

      สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นสงครามที่ยืดเยื้อนานกว่า 6 ปี โดยแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ประเทศสหรัฐ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศษ และรัสเซีย และฝ่ายอักษะ ได้แก่ เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น ต่อมาช่วงกลางปี ค.ศ.1945 เยอรมนี และอิตาลี ได้ยอมแพ้สงครามเหลือเพียงแต่ญี่ปุ่นประเทศเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ยอมแพ้ ฝ่ายสัมพันธมิตรจึงตัดสินใจทิ้งลูกระเบิดปรมาณู เพื่อบังคับให้ญี่ปุ่นยอมแพ้สงคราม ระเบิดปรมาณูได้ทำการทดลองสร้างขึ้นในระหว่างสงครามครั้งนี้ ซึ่งมีไอน์สไตน์เป็นผู้ริเริ่ม และควบคุมการผลิต ลูกระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกได้ทำการทดลองทิ้งลงที่เมืองฮิโรชิมา ในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ.1945 ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายกว่า 150,000 คน แต่ญี่ปุ่นยังไม่ประกาศยอมแพ้ ดังนั้นฝ่ายสัมพันธมิตรจึงตัดสินใจทิ้งระเบิดอีก 1 ลูก ที่เมืองนางาซากิ (Nagasaki) ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1945 ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีกกว่า 100,000 คน เช่นกัน ลูกระเบิด 2 ลูก นี้ ทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้สงคราม และปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เพียงเท่านี้

      ไอน์สไตน์เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ.1955 หลังจากที่ไอน์สไตน์เสียชีวิตไปแล้วมีการสร้าง อนุสาวรีย์ รูปไอน์สไตน์ครึ่งตัวขึ้นภายในสถาบันฟิสิกส์ แห่งกรุงเบอร์ลิน เรียกว่า หอคอยไอน์สไตน์ เพื่อระลึกถึงความสามารถของเขา



ยลโฉมรถตระกูล Skyline ที่เป็นรุ่นยอดนิยมของคนทั่วโลก

Generation ที่ 8 (พ.ศ. 2532-2537)

นิสสัน สกายไลน์ โฉมที่ 8
โฉมที่ 8 ใช้ชื่อโฉมว่า R32 รหัส bnr32 สกายไลน์มี 2 รุ่นที่สำคัญ คือ
  • Nissan Skyline GT-S R32 เครื่องยนต์ RB20DET
  • Nissan Skyline GT-R R32 (BNR32) เครื่องยนต์ RB26DETT
และโฉมนี้ กลับมาผลิตสกายไลน์ GT-R อีกครั้ง หลังจากหายไปตั้งแต่โฉมที่ 4 เป็นโฉมที่ทำให้สกายไลน์ GT-R เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและโด่งดังไปในวงกว้าง จากการที่สกายไลน์ R32 ชนะการแข่งขันรถแข่งในญี่ปุ่น 29 รางวัล และชนะเลิศการแข่งเจทีซี 4 ปีติดต่อกัน นอกเหนือจากการแข่งขันในประเทศ GT-R ยังได้ชนะการแข่งขันออสเตรเลียนทัวริง 3 ปีติดต่อกันระหว่างปี 2533-2535 (ซึ่งในปี 2536 มีการเปลี่ยนแปลงกติกาซึ่งทำให้ GT-R ไม่สามารถร่วมลงแข่งได้)
ส่วนในแง่ของรถทั่วไป สกายไลน์โฉมที่ 8 เป็นรถรุ่นแรกที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดออกขาย (ปัจจุบัน รถบางรุ่นบางยี่ห้อยังใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด ไม่ใช่ 5 สปีด) ควบคู่กับเกียร์ธรรมดา
สกายไลน์โฉมที่ 8 นี้ มียอดขายรวมทั้งสิ้น 296,087 คัน



Generation ที่ 9 (พ.ศ. 2536-2541)

นิสสัน สกายไลน์ โฉมที่ 9
โฉมที่ 9 ใช้ชื่อโฉมว่า R33 มีรถ 2 รุ่นที่สำคัญ คือ
  • Nissan Skyline GT-S R33 เครื่องยนต์ RB25DETT
  • Nissan Skyline GT-R R33 (BNR33) เครื่องยนต์ RB26DETT 156.7 cu.in. / 2,568 c.c.
สกายไลน์โฉมที่ 9 มียอดขายรวมทั้งสิ้น 217,113 คัน



Generation ที่ 10 (พ.ศ. 2541-2545)

นิสสัน สกายไลน์ โฉมที่ 10
โฉมที่ 10 ใช้ชื่อโฉมว่า R34 มีรถ 2 เกรดที่สำคัญคือ
  • Nissan Skyline GT-S R34 (ER34) เครื่องยนต์ RB25DET Neo6 เกียร์อัตโนมัติ
  • Nissan Skyline GT-R R34 (BNR34) เครื่องยนต์ RB26DETT 156.7 cu.in. / 2,568 c.c.
ในโฉมนี้ เกียร์อัตโนมัติแบบ 5 สปีดถูกยกเลิกชั่วคราว ทำให้สกายไลน์โฉมนี้มี 6 เกียร์ธรรมดา(GT-R) กับอัตโนมัติแบบ 4 สปีดเท่านั้น แต่ในโฉมนี้ สกายไลน์ได้มีการผลิตเกียร์แบบ Triptonic ออกขาย (เกียร์ Triptonic คือเกียร์ที่สามารถปรับใช้เป็นเกียร์ธรรมดาก็ได้ เกียร์อัตโนมัติก็ได้ ในเกียร์ชุดเดียวกัน) เป็นครั้งแรกของสกายไลน์ ในแบบ GT-S จะมี sunroof ในแบบ GT-R จะไม่มี sunroof
โฉมที่ 10 มียอดขายรวม 64,623 คัน


10 ข้อมูลที่ควรทราบก่อนซื้อ iPhone


ถึงแม้ว่า iPhone ของ Apple จะเป็นของเล่นใหม่ที่ใครๆ ก็อยากได้ อย่างไรก็ตามของทุกอย่างย่อมมีข้อจำกัดของมันเอง
ถ้าคุณต้องการ iPhone ลองดูข้อจำกัด 10 ข้อก่อนพิจารณาซื้อหามาใช้


1) ใช่ว่าอุปกรณ์ต่อพ่วงและหูฟังของ iPod ทุกชนิดจะใช้ได้กับ iPhone ถ้าอุปกรณ์นั้นๆ ไม่ได้อ้างว่าสามารถทำงานได้กับ iPhone ซึ่งคุณจะพบผลลัพธ์ที่ได้เมื่อคุณเสียบอุปกรณ์เข้าเครื่อง บางชิ้นจะทำงานได้เมื่ออยู่ในโหมด Airplane (สำหรับใช้บนเครื่องบิน) บางชิ้นใช้งานไม่ได้เลย


2) ในอเมริกา มีการขาย iPhone คู่กับบริการของ   AT&T แต่ผู้ซื้อจะต้องใช้บริการของ AT&T เป็นเวลาติดต่อกันถึง 2 ปี และนั่นอาจเป็นการบังคับให้ใช้บริการรวมถึงใช้ซื้ออุปกรณ์เสริมไปในตัว


3) ไม่สามารถบันทึกวิดีโอหรือ ส่ง MMS กล้องของ iPhone มีมาพร้อมความละเอียด 2 เมกะพิกเซลซึ่งทำงานได้ดีถ้าแสงเพียงพอ แต่ไม่สามารถบันทึกวิดีโอได้ อย่างไรก็ตามนับเป็นเรื่องแปลกเพราะ  iPhone เองกลับมีความสามารถในการเล่นไฟล์วิดีโอ แต่ไม่สามารถสร้างภาพยนตร์จากวิดีโอได้ และเป็นผลให้ไม่สามารถส่งข้อความภาพเคลื่อนไหว หรือ MMS ได้


4) ไม่มีโปรแกรมส่งข้อความทันใจ หรือ Instant Messaging


5) ไม่เหมาะสำหรับใช้งานธุรกิจ ผู้ที่ต้องการความสามารถอย่าง  BlackBerry ไม่สามารถหาได้ใน iPod นอกจากนี้การใช้คีบอร์ดก็ยากเอาการ  ไม่มีบริการพุชเมล์ยกเว้นแต่ของ Yahoo Mail ไม่สนับสนุนการใช้งานร่วมกับ Exchange แต่สามารถใช้บริการ IMAP ได้


6) ไม่สามารถทดแทน iPod ได้ 100 เปอร์เซนต์ เนื่องจากไม่มีเกม มีความจุเพียง 4GB หรือ 8GB ซึ่งพอๆ กับ iPod nano จึงไม่สามารถเทียบเท่ากับ iPod Video ที่มีความจุมากกว่า และสามารถชมวิดีโอได้


7) ไม่ใช่สมาร์ทโฟน ถึงแม้ว่า Apple ต้องการให้ผู้ใช้คิดว่าความสามารถในการพัฒนาแอพพลิเคชันแบบเปิดโดยใช้เว็บแอพพลิเคชันจะสามารถใช้งานแอพพลิเคชันทั่วไปได้ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช้ คุณสามารถทำงานบางอย่างได้ด้วยเว็บแอพและ Safari ซึ่งก็ต้องมีคนพัฒนาแอพพลิเคชันที่ออกแบบมาเฉพาะของ iPhone เท่านั้น


8) การเชื่อมต่อข้อมูลช้า ถึงแม้ว่า iPhone จะสนับสนุนทั้ง EDGE และ Wi-Fi แต่ส่วนใหญ่จะใช้ EDGE มากกว่า เนื่องจาก ถ้าคุณอยู่ในรัศมีของ Wi-Fi เพื่อให้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไปไม่ว่าจะที่ทำงานหรือที่บ้าน แต่เมื่อคุณเดินหรือขับรถ คุณจะเข้าสู่บริการ EDGE ซึ่งทำงานได้ช้ากว่า


9) ไม่มี GPS จะเป็นการดีถ้า iPhone สามารถใช้แอพพลิเคชัน Google Maps ได้ แต่ iPhone กลับไม่มี GPS


10) ไม่สามารถเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าของคุณเองได้ แต่คงจะเพิ่มความสามารถนี้ในไม่ช้า
คุณจะเห็นว่า ถึงแม้ว่า iPhone จะเป็นของใหม่ที่ใครก็ปรารถนาแต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนซื้อหามาใช้ และถ้าข้อจำกัดเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณต้องการ ก็อาจจะรอเวอร์ชันต่อไปที่สมบูรณ์กว่า